วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552
การใส่โดเมน CO.CC ให้ Blogger,Blogspot
การใส่โดเมน CO.CC ให้ Blogger,Blogspot
สำหรับชาว Blogger ที่ต้องการ มีชื่อ Domain ของตัวเอง วันนี้มาเสนอ ใช้ โดเมน co.ccซึ่งก็ แน่นอน โดเมนฟรี(อิอิ) จะเอา ฟรีโดเมน นี้ไปตั้งค่ากับ Blogger ยังไง ไปดูกัน..1.คงไม่พูดถึงเรื่องการสมัคร(Register) นะครับ ขอข้ามไปที่การตั้งค่าเลยละกัน(คงทำกันเป็นอยู่แล้ว) ก็เริ่มโดยไปที่ Domain Setting เลือกชื่อ Domain name ของเรา กดที่ Setup
2.เข้ามาใส่ส่วนของ Manage Domain กด Setup อีกที
สำหรับชาว Blogger ที่ต้องการ มีชื่อ Domain ของตัวเอง วันนี้มาเสนอ ใช้ โดเมน co.ccซึ่งก็ แน่นอน โดเมนฟรี(อิอิ) จะเอา ฟรีโดเมน นี้ไปตั้งค่ากับ Blogger ยังไง ไปดูกัน..1.คงไม่พูดถึงเรื่องการสมัคร(Register) นะครับ ขอข้ามไปที่การตั้งค่าเลยละกัน(คงทำกันเป็นอยู่แล้ว) ก็เริ่มโดยไปที่ Domain Setting เลือกชื่อ Domain name ของเรา กดที่ Setup
2.เข้ามาใส่ส่วนของ Manage Domain กด Setup อีกที
3.เลือกที่ Zone Records แล้วใส่ Host เป็นชื่อ ตามชื่อ Domain ของคุณ TTL ใส่ 1 DType ให้เลือก CNAME ส่วน ช่อง Value ใส่ ghs.google.com.......
ป้ายกำกับ:
การใส่โดเมน CO.CC ให้ Blogger,
Blogspot
กำแพงเมืองจีน
ข้อมูลกำแพงเมือง
คนไทยเรียกว่า กำแพงเมืองจีน คนปักกิ่งเรียกว่า ฉางเฉิง แปลว่า กำแพงยาว เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคโบราณของจีน ที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งมีคำกล่าวกันว่า เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบนพื้นโลกที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จากดวงจันทร์ ได้
เมื่อพูดถึงกำแพงเมืองจีน เกือบทุกคนจะได้ยินเรื่องราวการก่อสร้างกำแพงนี้ของ จักรพรรดิ จิ๋นซี หรือ ฮ่องเต้จิ๋นซี หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ ( จีนกลาง เรียก ฉิน สื่อ หวง ตี้ แปลว่า ปฐมจักรพรรดิ แห่งราชวงศ์ ฉิน )
โดยแท้จริงแล้ว การสร้างกำแพงนี้ ถูกเริ่มสร้างเมื่อ 700 ปี ก่อนคริสตกาล ในเวลานั้นแผ่นดินจีนถูกแบ่งออกเป็นประเทศหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งมักจะปรากฏสงครามรบพุ่งระหว่างกัน ดังนั้นแต่ละประเทศจึงสร้างกำแพงเมืองขนาดใหญ่และค่อนข้างสูงขึ้นเป็นเขตประเทศของตนเอง กำแพงเหล่านั้นไม่เหมือนกับกำแพงเมืองแบบธรรมดา แต่เป็นกำแพงที่ค่อนข้างยาวมาก เป็นกำแพงเมืองจีนก่อนราชวงศ์ฉิน จนเมื่อ 200 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิจิ๋นซี ทรงรวมประเทศจีนเป็นหนึ่งเดียว และสถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้น ทรงต้องการความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศที่มีความปลอดภัย จึงส่งกองทหาร 3 แสนคน กับประชาชน 5 แสนคน ร่วมกันสร้างกำแพงใหญ่ เริ่มจากทิศตะวันตกที่เมือง หลินเถา ถึงตะวันออกที่เมือง เลี๋ยวตง มีความยาว 10,000 ลี้ ทำให้ผู้คนเรียกกำแพงนี้ว่า กำแพงหมื่นลี้ กำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นบนฐานเดิมของ กำแพงเมืองจีนรุ่นเก่า จึงใช้เวลาสร้างเพียง 9
http://th.upload.sanook.com/A0/429bef13fee3ec546ceaa8ce7cfcc587
คนไทยเรียกว่า กำแพงเมืองจีน คนปักกิ่งเรียกว่า ฉางเฉิง แปลว่า กำแพงยาว เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคโบราณของจีน ที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งมีคำกล่าวกันว่า เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นบนพื้นโลกที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จากดวงจันทร์ ได้
เมื่อพูดถึงกำแพงเมืองจีน เกือบทุกคนจะได้ยินเรื่องราวการก่อสร้างกำแพงนี้ของ จักรพรรดิ จิ๋นซี หรือ ฮ่องเต้จิ๋นซี หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ ( จีนกลาง เรียก ฉิน สื่อ หวง ตี้ แปลว่า ปฐมจักรพรรดิ แห่งราชวงศ์ ฉิน )
โดยแท้จริงแล้ว การสร้างกำแพงนี้ ถูกเริ่มสร้างเมื่อ 700 ปี ก่อนคริสตกาล ในเวลานั้นแผ่นดินจีนถูกแบ่งออกเป็นประเทศหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งมักจะปรากฏสงครามรบพุ่งระหว่างกัน ดังนั้นแต่ละประเทศจึงสร้างกำแพงเมืองขนาดใหญ่และค่อนข้างสูงขึ้นเป็นเขตประเทศของตนเอง กำแพงเหล่านั้นไม่เหมือนกับกำแพงเมืองแบบธรรมดา แต่เป็นกำแพงที่ค่อนข้างยาวมาก เป็นกำแพงเมืองจีนก่อนราชวงศ์ฉิน จนเมื่อ 200 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิจิ๋นซี ทรงรวมประเทศจีนเป็นหนึ่งเดียว และสถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้น ทรงต้องการความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศที่มีความปลอดภัย จึงส่งกองทหาร 3 แสนคน กับประชาชน 5 แสนคน ร่วมกันสร้างกำแพงใหญ่ เริ่มจากทิศตะวันตกที่เมือง หลินเถา ถึงตะวันออกที่เมือง เลี๋ยวตง มีความยาว 10,000 ลี้ ทำให้ผู้คนเรียกกำแพงนี้ว่า กำแพงหมื่นลี้ กำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นบนฐานเดิมของ กำแพงเมืองจีนรุ่นเก่า จึงใช้เวลาสร้างเพียง 9
http://th.upload.sanook.com/A0/429bef13fee3ec546ceaa8ce7cfcc587
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552
สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า
สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า
ใบหน้า
คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ
1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้
2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L)
เป็นพืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน
3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้า จะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้
5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)
ในขมิ้น จะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย
6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata)
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้ง เป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)
มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้
ใบหน้า
คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ
1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้
2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L)
เป็นพืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน
3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)
จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล
4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้า จะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้
5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)
ในขมิ้น จะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย
6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata)
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้ง เป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)
มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552
รักษาสิว
รักษาสิวม่ะค่ะ
เพือ่นๆๆค่ะมีครายเป็ฯสิวบ้างค่ะปูก็เป็นคนหนึ่งที่เป็ฯสิวแย่เหมือนกันนะค่ะ ม่ายชอบเลยล่ะ
เราไปค้นหาสมุนไพรเกี่ยวกับการรักษาสิวมานะ ก็จะมีพวก ว่านหางจระเข้ หอมแดงนี่แปลกเนอะ แล้วก็กล้วยจ๊ะม่ะช่ายเรื่องกล้วยๆๆนะ มาเริ่มทำกันเลยนะ
ว่านหางก็รู้ๆๆกันอยู่นะค่ะให้ตรงวุ้นมันมาแปะไว้ตรงที่เราเป็นสิวค่ะ ง่ายๆๆแต่ความสะดวกหรือม่ายสะดวกก็เราจะไปหาที่ไหนล่ะ
หอมแดง เมื่อเรานำมาฝานเป็นแว่น ๆ บาง ๆ นำไปทาบริเวณที่เป็นสิว รอยด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะหายไปค่ะ
กล้วยหอม ก็มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเช่นกัน ถ้าเรานำกล้วยหอม 1 ผล ไปปั่นกันน้ำผึ้ง ? ถ้วย นำมาพอกหน้าไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกจำทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใส ส่วนมะนาว นำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลใบหน้าได้มากทีเดียวค่ะ เราใช้มะนาวล้างหน้าแทนสบู่หรือโฟมได้ หรืออาจจะใช้ไข่ขาว 1 ช้อนชา ดินสอพอง 2 เม็ดใหญ่ มะนาว ? ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อน น้ำมันมะกอก ? ช้อนชา ผสมให้เข้ากันจะได้ครีมข้นนำมาพอกหน้า พอกตัวประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก ทำวันเว้นวัน ไม่นานค่ะ ผิวพรรณจะใสนุ่มเนียน
เพือ่นๆๆค่ะมีครายเป็ฯสิวบ้างค่ะปูก็เป็นคนหนึ่งที่เป็ฯสิวแย่เหมือนกันนะค่ะ ม่ายชอบเลยล่ะ
เราไปค้นหาสมุนไพรเกี่ยวกับการรักษาสิวมานะ ก็จะมีพวก ว่านหางจระเข้ หอมแดงนี่แปลกเนอะ แล้วก็กล้วยจ๊ะม่ะช่ายเรื่องกล้วยๆๆนะ มาเริ่มทำกันเลยนะ
ว่านหางก็รู้ๆๆกันอยู่นะค่ะให้ตรงวุ้นมันมาแปะไว้ตรงที่เราเป็นสิวค่ะ ง่ายๆๆแต่ความสะดวกหรือม่ายสะดวกก็เราจะไปหาที่ไหนล่ะ
หอมแดง เมื่อเรานำมาฝานเป็นแว่น ๆ บาง ๆ นำไปทาบริเวณที่เป็นสิว รอยด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะหายไปค่ะ
กล้วยหอม ก็มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเช่นกัน ถ้าเรานำกล้วยหอม 1 ผล ไปปั่นกันน้ำผึ้ง ? ถ้วย นำมาพอกหน้าไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกจำทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใส ส่วนมะนาว นำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลใบหน้าได้มากทีเดียวค่ะ เราใช้มะนาวล้างหน้าแทนสบู่หรือโฟมได้ หรืออาจจะใช้ไข่ขาว 1 ช้อนชา ดินสอพอง 2 เม็ดใหญ่ มะนาว ? ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อน น้ำมันมะกอก ? ช้อนชา ผสมให้เข้ากันจะได้ครีมข้นนำมาพอกหน้า พอกตัวประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก ทำวันเว้นวัน ไม่นานค่ะ ผิวพรรณจะใสนุ่มเนียน
วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552
หน้าใสด้วยวิธีง่ายๆ
สมุนไพรหน้าใส:สูตรผสมนมสด,ไข่ไก่และมะลิ
สูตรผสม
ดอกมะลิตูมหรือบาน 1/4 ถ้วย
ไข่ไก่ 1/2 ฟอง
นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีผสม
นำดอกมะลิมาล้างให้สะอาดปั่นรวมกับกับไข่ไก่ นมสดและน้ำผึ้งแท้จนละเอียด
รวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียว ใช้สำหรับพอกหน้าที่สะอาด
ทำก่อนเข้านอนประมาณ 15-20 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าชุ่มชื่น
นวลเนียน มีกลิ่นหอมธรรมชาติจากดอกมะลิ และสดใสอีกด้วยทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
ภายในเวลาไม่ถึงเดือน จะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สูตรผสม
ดอกมะลิตูมหรือบาน 1/4 ถ้วย
ไข่ไก่ 1/2 ฟอง
นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีผสม
นำดอกมะลิมาล้างให้สะอาดปั่นรวมกับกับไข่ไก่ นมสดและน้ำผึ้งแท้จนละเอียด
รวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียว ใช้สำหรับพอกหน้าที่สะอาด
ทำก่อนเข้านอนประมาณ 15-20 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าชุ่มชื่น
นวลเนียน มีกลิ่นหอมธรรมชาติจากดอกมะลิ และสดใสอีกด้วยทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
ภายในเวลาไม่ถึงเดือน จะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แก้ไขปัญหาของผิวหน้า
- ปัญหาจุดด่างดำจากรอยสิว :
เราสามารถจะลบมันออกด้วยการใช้คอตตอนบัด จุ่มน้ำมะนาวสด แต้มที่รอยแผล ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้ เหมาะสำหรับคนผิวมัน ถึงผิวธรรมดา แต่ถ้าผิวแห้ง ให้ทำหลังล้างหน้าแล้วประมาณ 15 นาที และทาทิ้งไว้ไม่เกิน 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
- รอยกระ หรือสีผิวไม่เรียบเสมอกัน :
โดยมากมักเกิดหลังจากที่เราตากแดนนาน ๆ ทำให้สีผิวดูหมอง ให้ผสมน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ คนให้ละลายเข้ากัน ทาให้ทั่วรอยจุดหรือบริเวณที่สีผิวไม่เรียบเสมอ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำธรรมดา
- กำจัดสิวหัวดำ :
ผสมน้ำร้อน ? ถ้วย กับเกลืออาบน้ำหรือเกลือทะเล 1 ช้อนชา จนละลายเข้ากันดี เติมไอโอดีนลงไป 3 หยด (หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป) ทิ้งไว้ให้เย็น ใช้สำลีจุ่มทาให้ทั่วบริเวณสิวหัวดำ โดยแตะเบา ๆ ห้ามถูเด็ดขาด จะทำให้สิวคลายตัวลงและหลุดออกได้ง่าย
- ผิวแห้งเป็นสะเก็ด : นวดน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ให้ทั่วผิวหน้าอย่างเบามือ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วใช้สำลีจุ่มน้ำส้มแอปเปิลไซเดอร์ ที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เช็ดคราบน้ำผึ้งออกจากใบหน้า โดยใช้สำลีจุ่มส่วนผสมน้ำหมาด ๆ เมื่อเช็ดออกหมดแล้วทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นปานกลาง
- ริ้วรอยจากการนอนหลับ :
การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดริ้วรอยของการกดทับผิวหน้า ซึ่งทางที่ดีแล้ว ควรนอนโดยไม่ให้ผิวหน้ามีแรงใด ๆ มากดทับ ด้วยการนอนหงาย แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นมา ให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นจัด ๆ จนเปียกชื้น แตะผ้าตรงริ้วรอย จนผ้าเย็น ทำซ้ำ2-3 ครั้ง รอยยับจะหมดไป
เราสามารถจะลบมันออกด้วยการใช้คอตตอนบัด จุ่มน้ำมะนาวสด แต้มที่รอยแผล ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้ เหมาะสำหรับคนผิวมัน ถึงผิวธรรมดา แต่ถ้าผิวแห้ง ให้ทำหลังล้างหน้าแล้วประมาณ 15 นาที และทาทิ้งไว้ไม่เกิน 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
- รอยกระ หรือสีผิวไม่เรียบเสมอกัน :
โดยมากมักเกิดหลังจากที่เราตากแดนนาน ๆ ทำให้สีผิวดูหมอง ให้ผสมน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ คนให้ละลายเข้ากัน ทาให้ทั่วรอยจุดหรือบริเวณที่สีผิวไม่เรียบเสมอ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำธรรมดา
- กำจัดสิวหัวดำ :
ผสมน้ำร้อน ? ถ้วย กับเกลืออาบน้ำหรือเกลือทะเล 1 ช้อนชา จนละลายเข้ากันดี เติมไอโอดีนลงไป 3 หยด (หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป) ทิ้งไว้ให้เย็น ใช้สำลีจุ่มทาให้ทั่วบริเวณสิวหัวดำ โดยแตะเบา ๆ ห้ามถูเด็ดขาด จะทำให้สิวคลายตัวลงและหลุดออกได้ง่าย
- ผิวแห้งเป็นสะเก็ด : นวดน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ให้ทั่วผิวหน้าอย่างเบามือ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วใช้สำลีจุ่มน้ำส้มแอปเปิลไซเดอร์ ที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เช็ดคราบน้ำผึ้งออกจากใบหน้า โดยใช้สำลีจุ่มส่วนผสมน้ำหมาด ๆ เมื่อเช็ดออกหมดแล้วทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นปานกลาง
- ริ้วรอยจากการนอนหลับ :
การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดริ้วรอยของการกดทับผิวหน้า ซึ่งทางที่ดีแล้ว ควรนอนโดยไม่ให้ผิวหน้ามีแรงใด ๆ มากดทับ ด้วยการนอนหงาย แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นมา ให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นจัด ๆ จนเปียกชื้น แตะผ้าตรงริ้วรอย จนผ้าเย็น ทำซ้ำ2-3 ครั้ง รอยยับจะหมดไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)